ในปัจจุบันโลกเรามีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วและซับซ้อนมากขึ้น เทคโนโลยีและวิวัฒนาการของ AI ที่ก้าวหน้าไม่เพียงแต่เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของเรา แต่ยังเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของเรา จนอาจทำให้หลายคนเกิดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตการทำงาน
แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าอาชีพในอนาคต 2030 จะเป็นงานแบบไหน? ไม่ว่าจะกำลังเริ่มต้นในโลกการทำงาน หรือกำลังมองหาโอกาสในการเปลี่ยนสายงาน บทความนี้จะพาไปสำรวจ 10 อาชีพมาแรงในอนาคต 2030 พร้อมแนะนำทักษะที่เป็นประโยชน์ ที่ให้คุณพร้อมเริ่มต้นพัฒนาตั้งแต่วันนี้ เพื่อการวางแผนอนาคตอย่างมั่นใจ!
ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังก้าวหน้า โลกเรากลับกำลังเผชิญความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งกลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดัน ให้เกิดความต้องการอาชีพต่าง ๆ ในอนาคต
จากรายงาน The Global Risks Report 2024 โดย World Economic Forum คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2024-2034 โลกเรากำลังเผชิญกับ 10 ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ๆ ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น 1.ความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่จะยิ่งทวีความรุนแรง 2.เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแต่แฝงไปด้วยภัยจากการเข้าถึงความเป็นส่วนตัวหรือความผิดพลาดที่มีความซับซ้อน และ 3.ความเสี่ยงและปัญหาจากสภาพสังคมต่าง ๆ
ความเสี่ยงเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อความต้องการตลาดอาชีพที่จะเกิดขึ้น เพราะทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต่างต้องการคนเข้ามารับมือและสร้างนวัตกรรมเพื่อรองรับอนาคต โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาชีพหลัก ๆ คือ 1.กลุ่มอาชีพเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Jobs) 2.กลุ่มอาชีพการแพทย์และบริการสุขภาพ (Medical and Healthcare Jobs) และ 3.กลุ่มอาชีพดิจิทัล (Digital Jobs)
Green Jobs หรือสายงานสีเขียว คือ กลุ่มอาชีพที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นงานภาคการผลิต การสร้างสรรค์ หรือการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการจัดการของเสียและมลพิษ เพื่อลดผลกระทบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
ถึงแม้กลุ่มอาชีพนี้จะมีมานานแล้ว แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ต้นทุนวัสดุที่ลดลง และเทรนด์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ Green Jobs เป็นอาชีพที่เป็นที่ต้องการในอนาคตมาดูกันว่าอาชีพเหล่านี้มีอะไรบ้าง!
อาชีพช่างเทคนิคกังหันลมเป็นหนึ่งในกลุ่มอาชีพพลังงานหมุนเวียน ทำหน้าที่เกี่ยวกับ การติดตั้ง บำรุงรักษา และซ่อมแซมกังหันลม ตลอดจนตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบส่งสัญญาณไฟใต้ดิน โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือการสร้างพลังงานไฟฟ้าจากลม
ในปัจจุบัน การส่งเสริมพลังงานลมในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่มีความเร็วลมค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม อาชีพที่เกี่ยวข้องกับพลังงานลมกำลังได้รับความต้องการสูงในต่างประเทศ เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มการเติบโตถึง 68.2% ตามข้อมูลจากสถิติแรงงานของสหรัฐอเมริกา
ช่างเทคนิคพลังงานกังหันลมจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องเครื่องกลเบื้องต้น เพื่อใช้ในการบำรุงรักษา แก้ไขปัญหา และซ่อมแซมระบบไฮดรอลิก รวมไปถึงมีความเข้าใจในกลไกการทำงานของกังหันลม
ช่างเทคนิคพลังงานลมจะต้องใช้ทักษะการแก้ไขปัญหา เพราะถ้าหากเกิดปัญหากังหันลมหยุดทำงาน หรือมีจุดขัดข้องทำให้จ่ายไฟฟ้าไม่ได้ จะต้องพร้อมรับมือและระบุสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ เพื่อที่จะวางแผนซ่อมแซมได้ถูกจุด
ช่างเทคนิคพลังงานกังหันลม จะต้องจัดทำเอกสารและส่งรายงานเกี่ยวกับผลการทดสอบ การตรวจสอบ การซ่อมแซม หรือปัญหาที่พบเจออยู่เสมอ ดังนั้นการเขียนรายงานที่มีความชัดเจนและเป็นระเบียบ จะช่วยให้ผู้อื่นสามารถเข้าใจรายงานได้ และส่งต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
อาชีพช่างเทคนิคพลังงานแสงอาทิตย์หรือช่างโซลาร์เซลล์ เป็นอีกหนึ่งอาชีพอยู่ในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน มีหน้าที่รับผิดชอบการประกอบ ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ตลอดจนการวิเคราะห์แนวโน้มการผลิตพลังงาน และให้คำแนะนำการปรับปรุงประสิทธิภาพกับผู้ใช้งาน
ด้วยปัจจุบันการติดตั้งโซลาร์เซลล์มีราคาถูกลงจากเมื่อก่อนมาก เพิ่มเติมด้วยแรงสนับสนุนจากภาครัฐด้วยการปรับนโยบายต่าง ๆ ทำให้อาชีพนี้ช่างเทคนิคพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Technician) มีแนวโน้มเติบโตเป็นอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยคาดว่าการจ้างงานในอาชีพนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 52% ระหว่างปี 2020 ถึง 2030 ตามข้อมูลจากสถิติแรงงานของสหรัฐอเมริกา
ช่างโซลาร์เซลล์จะต้องมีความรู้พื้นฐานด้านไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบไฟฟ้า กำลังไฟ แรงดันไฟ กระแสไฟ และประเภทของกระแสไฟต่าง ๆ เพื่อใช้ทำความเข้าใจในระบบการติดตั้งโซลาร์เซลล์
ก่อนการติดตั้งแผงวงจร ช่างโซลาร์เซลล์จะต้องทำการศึกษาและประเมินพื้นที่หน้างาน และคำนวณโครงสร้างอาคารที่มีผลต่อการรับน้ำหนักของแผงวงจร ตลอดจนค่าอื่น ๆ เพื่อนำไปวางแผนการติดตั้งและอธิบายแก่ผู้มีส่วนร่วมอื่น ๆ ได้
ช่างโซลาร์เซลล์ต้องใช้ทักษะการแก้ไขปัญหา เพราะถ้าหากเกิดปัญหาไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ จะต้องพร้อมรับมือและระบุสาเหตุที่เกิดขึ้นเพื่อวางแผนซ่อมแซมได้ถูกจุด
ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน คือ ผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำ ประเมิน วางแผน และพัฒนากลยุทธ์เพื่อผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้าน ESG (Environment, Social, Governance) โดยมีเป้าหมายคือ สนับสนุนให้ธุรกิจและองค์กรลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ความต้องการของอาชีพที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Verdantix องค์กรวิจัยนวัตกรรมระดับโลก คาดการณ์ว่าในปี 2027 อุตสาหกรรมสีเขียว จะมีมูลค่าทั่วโลกถึง 16,000 ล้านดอลลาร์ ผู้บริโภคจะยิ่งตระหนักและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นการมีที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน อาจจะต้องเผชิญกับปัญหารอบด้านในการวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ดังนั้นทักษะการแก้ไขปัญหา จึงเป็นอีกทักษะสำคัญ ที่จะช่วยระบุปัญหาและจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การมีทักษะการโน้มน้าวและจูงใจที่ดี จะช่วยให้ผู้มีส่วนร่วม เข้าใจถึงความสำคัญของความยั่งยืน และให้ความร่วมมือในการกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี
ทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์ จะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน สามารถมองเห็นภาพรวมสิ่งต่าง ๆ และเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายธุรกิจและเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถวางแผนการปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ได้ในระยะยาว
อุตสาหกรรม Healthcare มีแนวโน้มจะเติบโตในระยะยาว ด้วยกลุ่มประชากรในหลายประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ที่มาพร้อมกับปัญหาอัตราการเกิดที่น้อยลง ผู้คนจะยิ่งให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อยืดอายุและลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้น ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพและการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
จากแนวโน้มนี้ทำให้เกิดความต้องการจ้างงานด้านสุขภาพที่สูงขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ
พยาบาลเวชปฏิบัติ มีหน้าที่ให้บริการด้านสุขภาพ ครอบคลุมไปถึงการดูแลและการจัดการขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ตลอดจนสามารถประเมินสุขภาพของผู้ที่มารับบริการ เพื่อการตัดสินใจและการวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้นภายใต้ขอบเขตที่แพทย์กำหนดได้
พยาบาลเวชปฏิบัติได้รับความนิยมเนื่องจากความสามารถในการให้บริการสุขภาพที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุและการป้องกันโรค ทำให้บทบาทนี้มีความสำคัญและเติบโตต่อเนื่องในอนาคต เช่นนั้นกลุ่มงานพยาบาลจึงได้รับความสนใจมากขึ้นถึง 52.2% ตามข้อมูลจากสถิติแรงงานของสหรัฐอเมริกา
การประกอบอาชีพพยาบาลนั้นจำเป็นต้องเรียนจบระดับปริญญาตรีในสาขาพยาบาล และเรียนต่อเฉพาะทาง นอกจากนี้ยังมีทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน เช่น
เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับอาชีพพยาบาล เนื่องจากการติดเชื้อเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งมีความเสี่ยงสูง การมีความรู้และปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้ออย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้
หากคุณสนใจพิสูจน์ทักษะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Micro-Credentials การป้องกันการติดเชื้อสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ทักษะการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญของงานพยาบาล โดยเฉพาะในการอธิบายแผนการบำบัดหรือการดูแลสุขภาพให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจอย่างชัดเจน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในกระบวนการรักษา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความร่วมมือของผู้ป่วยและการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานกับทีมอื่น ๆ
ทักษะการแก้ปัญหาเป็นทักษะที่ช่วยให้พยาบาลสามารถจัดการสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมืออาชีพ ลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัย และส่งเสริมการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์
นักกายภาพบำบัด คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย โดยใช้เทคนิคทางกายภาพ เช่น การออกกำลังกายและการบำบัดด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดอาการปวด เพิ่มความคล่องตัว และฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้กลับมาแข็งแรง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว
อาชีพนักกายภาพบำบัดมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชากรโลกและในประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การฟื้นฟูสุขภาพร่างกายจึงมีความสำคัญมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้คนยังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต การทำกายภาพบำบัดจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในระยะยาว
ทักษะการสื่อสาร มีความสำคัญสำหรับนักกายภาพบำบัด เพราะช่วยให้การอธิบายแผนการบำบัด วิธีการฟื้นฟูสมรรถภาพ และขั้นตอนการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเป็นไปอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพยังช่วยให้นักกายภาพบำบัดเข้าใจความต้องการและอาการของผู้ป่วยได้ลึกซึ้งมากขึ้น ส่งผลต่อการวางแผนการบำบัดที่ตรงจุดและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้
การมีทักษะการโน้มน้าวและจูงใจที่ดี จะช่วยให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญของการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางส่วน ที่ส่งผลให้การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในระยะยาว
นักกายภาพบำบัดจะต้องทำการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาของผู้ป่วย จำเป็นต้องมีความละเอียดรอบคอบในการบันทึกข้อมูล เพื่อต่อยอดการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยตามบ้าน จะทำหน้าที่ช่วยเหลือกิจวัตรประจำวันแก่ผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ ผู้ป่วยหลังผ่าตัด หรือผู้ป่วยระยะยาว อย่างเช่น ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น
ในปัจจุบันที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว โดยกระทรวงสาธารณสุขของไทยคาดการณ์ว่าผู้สูงอายุคนไทย จะเพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนคน ทำให้ธุรกิจสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ จะมีมูลค่าประมาณ 2.99 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 7.5% ต่อปี จากตัวเลขคาดการณ์นี้ทำให้เห็นว่าการให้บริการดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทักษะการโน้มน้าวและจูงใจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุเห็นความสำคัญของการปรับพฤติกรรม เช่น การดูแลตัวเอง การออกกำลังกาย หรือการทำตามแผนการบำบัด ซึ่งช่วยส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้นและฟื้นฟูได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
การดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยตามบ้านต้องใช้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอาการแทรกซ้อนหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ผู้ดูแลต้องคำนึงถึงทุกความต้องการ ตั้งแต่การให้ยาตรงเวลา การจัดการอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการดูแลกิจวัตรประจำวัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
การติดเชื้อเป็นภัยที่ร้ายแรงสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ซึ่งมีความเสี่ยงสูง การมีความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อ จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคและรักษาผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ
4LifelongLearning มี Micro-Credentials ที่ได้รับการออกแบบมาเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ที่ Micro-Credentials การป้องกันการติดเชื้อสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หลังเหตุการณ์ Covid-19 ทำให้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของเรามากกว่าที่เคย หลายบริษัทปรับตัวเป็นการทำงานทางไกล (Remote Working) ทำให้เกิดการลงทุนกับซอฟต์แวร์มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
จากปัจจัยนี้ทำให้ความต้องการแรงงานด้านเทคโนโลยีจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ของ World Economic Forum จำนวนงานดิจิทัลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 73 ล้าน เป็น 92 ล้านงานภายในปี 2030
เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายองค์กรมีความต้องการมากขึ้น นักวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูล เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ออกแบบ วางระบบและพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลให้มีความปลอดภัย อีกทั้งต้องทำการตรวจสอบ และดูแลความเรียบร้อยของระบบข้อมูลในองค์กร เพื่อป้องกันการโจมตีและการละเมิดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้หลากหลายมิติ
จากการที่เทคโนโลยี AI มีการพัฒนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้หลายธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้เกิดข้อมูลปริมาณมหาศาลที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่ตามมาได้ ส่งผลให้ความต้องการอาชีพนักวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูลจะยิ่งสูงมากขึ้น เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อน โดยมีคาดการณ์ตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 33.3% จากฐานข้อมูล World Economic Forum
นักวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูล จะต้องมีความสามารถในการระบุช่องโหว่และประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ พร้อมวางแผนกลยุทธ์ล่วงหน้าเพื่อจัดการและลดผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ได้อย่างเป็นระบบ
นักวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูลจะต้องทำงานและขอความร่วมมือกับทีมต่าง ๆ ทักษะการสื่อสารจึงมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้การอธิบายข้อมูลเชิงเทคนิคให้กับทีมบริหารหรือทีมธุรกิจสามารถเข้าใจได้แม้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน และเป็นปัจจัยสำคัญให้สามารถบรรลุแผนงานที่วางไว้ได้
เนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์อาจจะตรวจจับได้ยาก นักวิเคราะห์ความปลอดภัยจะต้องใส่ใจ รอบคอบต่อระบบ และสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อยได้อยู่เสมอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล เป็นกลุ่มอาชีพที่มีหน้าที่ในการจัดการข้อมูล (Data) ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Data Scientist, Data Engineer และ Data Analyst
ทั้ง 3 อาชีพ มีการทำงานที่แตกต่างแต่เกี่ยวข้องกัน อย่างเช่น Data Scientist (นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล) ทำหน้าที่สร้าง Model โดยการนำข้อมูลขนาดใหญ่มาเป็นต้นแบบ และมองหาผลลัพธ์เชิงลึก (Insight) จากการสร้าง Model ส่วน Data Engineer (นักวิศวะข้อมูล) มีหน้าที่วางระบบการไหลของข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนที่จะต้องใช้งาน ในขณะที่ Data Analyst (นักวิเคราะห์ข้อมูล) จะต้องเป็นคนที่มีความเข้าใจธุรกิจมากที่สุด เพื่อใช้ในการหา Business Insight จากชุดข้อมูลที่มี
จากการเติบโตของ AI และ Machine Learning จะยิ่งบีบบังคับให้หลายธุรกิจเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น เพื่อการแข่งขันที่เท่าเทียม ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เกิดข้อมูล (Data) มหาศาล และข้อมูลตรงนี้จะเป็นทรัพยากรสำคัญที่จะต่อยอดเป็นโอกาสทางธุรกิจได้ ดังนั้น Data Expert จึงยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคต
ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลจะต้องมีทักษะการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมจะนำไปวิเคราะห์หา Business Insight และเพิ่มคุณค่าของข้อมูลในมือมากยิ่งขึ้น
หากคุณสนใจพิสูจน์ทักษะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Micro-Credential การจัดระเบียบข้อมูล (Data Wrangling)
ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลอาจจะต้องการทักษะในการแปลงข้อมูลดิบให้เป็นภาพ ด้วยภาษาโปรแกรมมิ่ง Python ทักษะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่องค์กรต้องตัดสินใจจากข้อมูล เพราะการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนในรูปแบบภาพช่วยให้ผู้บริหารและทีมเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
หากคุณสนใจพิสูจน์ทักษะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Micro-Credential Data Visualization ด้วย Python
เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลที่ต้องอัปเดตทักษะและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเครื่องมือหรือเทคนิคต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและแนวโน้มใหม่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในภูมิทัศน์ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ทำหน้าที่ในการออกแบบ พัฒนา และปรับใช้ระบบ AI ให้เข้ากับธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ด้วยตัวเองอย่างถูกต้องและแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ป้อนข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อให้ AI มีความเข้าใจสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งาน
บริษัท McKinsey บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังของโลก วิเคราะห์ไว้ว่าในปี ค.ศ.2030 กว่า 70% ของบริษัททั่วโลกจะใช้ AI ในการดำเนินธุรกิจ หลายภาคอุตสาหกรรมจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
ด้วยสโคปงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่มีความซับซ้อนอย่างมาก การมีความสามารถในการแยกแยะองค์ประกอบต่าง ๆ ออกเป็นข้อย่อย จะช่วยให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนและสามารถแก้ปัญหาได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น
เนื่องจาก AI ต้องใช้ข้อมูลในการเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญ AI จึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกันกับทีมอื่น ๆ ทักษะการสื่อสารจึงมีความสำคัญ การอธิบายข้อมูลเชิงเทคนิคให้ผู้ฟังสามารถเข้าใจได้แม้ไม่มีพื้นฐาน จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ทำงานได้ราบรื่นขึ้น
การเรียนรู้และการพัฒนา AI มีความซับซ้อน ทักษะการใส่ใจในรายละเอียดจึงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมเมอร์ที่เราคุ้นเคยกัน เป็นอาชีพที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการออกแบบ และวางแผนการพัฒนา บำรุงรักษา และปรับปรุงซอฟต์แวร์หรือ Digital Product ต่าง ๆ ในที่นี้สามารถเป็นได้ทั้งโปรแกรม เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน
การปรับตัวสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ขององค์กรต่าง ๆ และการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประชากรโลกที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การทำงานแบบรีโมททางไกลมีแนวโน้มเติบโตสูง เพื่อเปิดรับตลาดแรงงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในอนาคตธุรกิจด้านซอฟแวร์และอาชีพนักพัฒนาซอฟแวร์จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น 22% จากข้อมูลสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐอเมริกา
ทักษะการสื่อสารในการถ่ายทอดเรื่องทางเทคนิคที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเป็นลำดับขั้นตอนจะทำให้สามารถทำงานร่วมกับทีมอื่น ๆ ในการพัฒนาระบบได้อย่างราบรื่นและตรงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
ทักษะการคิดเชิงคำนวณเป็นกระบวนการคิดพื้นฐานสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์และการเขียนโปรแกรม ที่ช่วยให้สามารถแก้ปัญหา วิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยใช้หลักการของวิทยาการคอมพิวเตอร์
หากคุณสนใจพิสูจน์ทักษะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Micro-Credential ทักษะการคิดเชิงคำนวณ
Product Mindset เป็นแนวคิดการพัฒนาโซลูชันหรือซอฟต์แวร์ให้มีคุณค่าตอบโจทย์ผู้ใช้งาน มากกว่าการทำให้เสร็จตามกำหนด (Requirement-Based Development) แนวคิดที่จะทำให้คุณเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่โดดเด่น เพราะมีทักษะในการทำความเข้าใจผู้ใช้งาน และสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจในระยะยาว
หากคุณสนใจพิสูจน์ทักษะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Micro-Credential การสร้าง Product Mindset
โดยสรุปแล้ว 10 อาชีพมาแรงในอนาคต มีทั้งหมด 10 อาชีพด้วยกันดังนี้
ทั้งนี้ความต้องการทางอาชีพมีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์เรา แต่ทักษะสำคัญอย่าง Lifelong Learning จะเป็นกุญแจที่จะช่วยให้เรารับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
และหากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณพัฒนาและพิสูจน์ทักษะการทำงานให้ทันกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไว Micro-Credentials เป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะโดยไม่ใช้กรอบเวลาเป็นตัวกำหนด อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยพิสูจน์ทักษะและเป็นหลักฐานยืนยันการทำได้ให้คุณพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมั่นใจ
Content Updated: 18 Dec 2024
อ้างอิงข้อมูล
เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ การวางแผน Career Path เป็นเหมือนแผนที่สำคัญที่ช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ career path คืออะไร? บทความนี้มีคำตอบ
อยากทำอาชีพฟรีแลนซ์ต้องเริ่มต้นอย่างไรและมีเทคนิคอะไรบ้างที่จะช่วยยกระดับความสามารถการเป็นฟรีแลนซ์ฉบับมืออาชีพ พร้อมรับรายได้จากหลายช่องทางแล้วหรือยัง อ่านบทความนี้
ฝึกการเป็น Mini CEO กับอาชีพที่น่าสนใจอย่าง Product Manager เมื่อได้ทำงานนี้แล้ว ทำไมถูกเรียกว่า Mini CEO และทำอย่างไรให้มีทักษะการทำงานด้าน PM คลิกที่นี่