Event
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุค AI ยุคที่เราอาจจะมี AI เป็นเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานก็เป็นได้ ด้วยฝีมือที่เก่งกาจและมันสมองอันชาญฉลาดของมนุษย์ ที่พัฒนาเทคโนโลยีให้มีความก้าวหน้าขึ้นอยู่เสมอ เพื่อสร้างสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวเอง จึงทำให้เกิดยุค AI ขึ้นมาพร้อมกับคำถามเหล่านี้ แล้ว AI แทนที่มนุษย์ได้จริงหรือไม่? อาชีพอะไรบ้างที่ AI ทำได้แล้ว? และเหลืออาชีพอะไรบ้างที่ AI ทำแทนไม่ได้? บทความนี้มีคำตอบ
อ่านเฉพาะที่สนใจได้นะ
ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าหลายธุรกิจเริ่มผลักดันให้พนักงานเอา AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานกันแล้ว และในอนาคต 10 ปีข้างหน้าจะมีอาชีพอะไรบ้างที่ถูก AI แย่งงานได้ เรามาดูตัวอย่างกัน
1. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysts): AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจจำนวนมากที่มีความซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น
2. นักพัฒนาซอฟต์แวร์และวิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Developer and Software Engineer): ตอนนี้ AI สามารถเขียนโค้ดขั้นพื้นฐานได้แล้ว จากคำสั่งภาษามนุษย์ที่ป้อนเข้าไป ถึงแม้ในปัจจุบัน AI จะยังเขียนโค้ดได้ไม่ซับซ้อนเท่านักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเมอร์ที่เป็นมนุษย์ แต่ด้วยฐานข้อมูลที่มีอยู่ อาจจะมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดก็เป็นได้
3. นักการตลาดดิจิทัลและนักวิเคราะห์การตลาด (Digital Marketer and Market Research Analyst): AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจทางการตลาด
4. นักเขียนเนื้อหาและบล็อกเกอร์ (Content Creator and Blogger): AI สามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาที่มีความเข้ากันได้ทั้งกับ SEO และผู้อ่าน โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องมือ AI เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ และน่าสนใจสำหรับผู้อ่าน
5. นักวิจัยและนักพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ (Researcher and Technology Developer): AI สามารถช่วยในการทดลองโดยการให้มนุษย์ตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำ (Accurate) ของข้อมูลที่จำเป็นเข้ามาเพื่อป้องกันการเกิดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ซึ่งอาจทำให้ AI เรียนรู้ข้อผิดพลาดและได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องได้ สิ่งนี้เรียกว่า การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยการใช้การเรียนรู้ของเครื่องมือ AI เพื่อสร้างโมเดลและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน
โดยสรุปแล้วอาชีพที่ AI จะมาแทนที่ได้นั้น จะเน้นไปทางลักษณะงานที่ไม่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ เป็นการทำงานเรียบง่ายซ้ำ ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การคำนวณ และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ยอมรับว่า AI แทนที่มนุษย์ได้ในอนาคต
1. นักวิจัยทางการแพทย์และแพทย์ทั่วไป (Medical Researcher and General Practitioner): การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ และการตรวจสอบผลลัพธ์ของการรักษายังต้องการความเข้าใจ และความประสงค์ทางการแพทย์ที่มนุษย์มีเท่านั้น
2. นักเขียนและนักบรรณาธิการ (Writer and Editor): การเขียนงานวรรณกรรมยังคงต้องการความสละสลวยทางภาษา ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์
3. นักจิตวิทยาและนักประสาทวิทยา (Psychologist and Neuroscientist): การทำความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์และสมองยังเป็นงานที่ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ และความเข้าใจที่ลึกซึ้งของมนุษย์
4. อาจารย์และผู้ช่วยสอน (Teacher and Teaching Assistant): ในอนาคตนักเรียน นักศึกษาจะสามารถเรียนรู้จาก AI ได้ แต่สิ่งที่ AI ทำไม่ได้คือ การสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน และให้คำแนะนำชี้แนะแนวทางที่เหมาะสม หรือจะเรียกได้ว่า อาจารย์และครูในอนาคตอาจจะต้องปรับบทบาทจาก ผู้ถ่ายทอดเป็นผู้ให้คำแนะนำแทน
5. นักบริหารและผู้บริหารองค์กร (Executive and Corporate Executive): การตัดสินใจที่ซับซ้อนและการบริหารจัดการแฝงไว้ซึ่งความเข้าใจของมนุษย์ และความสามารถในการวิเคราะห์ทางสังคมที่ยังไม่ถูกสร้างขึ้นโดย AI ในขณะนี้
แม้จะอยู่ในยุค AI แต่อาชีพที่ AI ทำแทนไม่ได้ก็ยังคงมีอยู่มากมาย โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปทางลักษณะงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ ความคิดสร้างสรรค์ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นงานที่ต้องมีทักษะการควบคุมทางอารมณ์ ทักษะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ทักษะการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจ ทักษะการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ และทักษะการรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน
เหตุผลใดที่มนุษย์อย่างเราจึงกลัว AI เข้ามาแทนที่มนุษย์ คำตอบง่าย ๆ เพราะว่ามนุษย์ยังคงต้องทำงานแลกเงิน หากไม่มีงานก็ไม่มีเงินใช้ในการดำเนินชีวิต แต่ถ้ามองในอีกมุมจะเห็นได้ว่าการสร้างเทคโนโลยีคือโอกาสสร้างงานใหม่ ๆ มากกว่า ทีนี้เรามาดูกันว่า ความสามารถของ AI กับความสามารถของมนุษย์ มีความโดดเด่นในบริบทที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
1. ความเร็วและประสิทธิภาพ: AI สามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถดำเนินงานกับปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ได้ภายในเวลาอันสั้น
2. ความสามารถในการทำซ้ำและการแก้ไข: AI สามารถทำงานโดยไม่มีความเหนื่อยล้า และไม่เกิดข้อผิดพลาดเมื่อมีการทำงานซ้ำ ๆ อีกทั้งยังปรับปรุงตนเองได้ตลอดเวลาโดยไม่มีปัจจัยอื่นอย่างอารมณ์และความเหนื่อยล้ามาลดประสิทธิภาพการทำงาน
3. ความสามารถในการทำงานในสภาวะที่อันตราย: AI สามารถทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับมนุษย์ เช่น สถานที่มีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตและสุขภาพ
1. ความรู้สึกและทักษะทางอารมณ์: มนุษย์มีความสามารถในการเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ AI ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ เพราะ AI ไม่มีความรู้สึก รวมไปถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของอารมณ์ ซึ่งทักษะเหล่านี้จะนำไปสู่การถ่ายทอดผ่านงานศิลปะที่ AI ยังทำไม่ได้
2. ความสามารถในการเชื่อมโยงและสร้างความหมาย: มนุษย์มีความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ ความรู้สึก ความคิด และจินตนาการ ซึ่งมีความซับซ้อน หลากหลายมากกว่าการประมวลผลข้อมูลที่เป็นฐานการทำงานของ AI
3. ความสามารถในการสร้างสรรค์และคิดนวัตกรรม: มนุษย์มีความสามารถในการสร้างสรรค์และคิดนวัตกรรมด้วยตนเอง ซึ่งรวมถึงการคิดออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ยากต่อการนำมาจำลองในระบบ AI ได้โดยตรง
ทั้งมนุษย์และ AI ต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน AI สามารถทำงานเป็นระบบและประมวลผลต่าง ๆ ได้ดีกว่ามนุษย์ ในขณะเดียวกัน AI ก็ยังต้องการความคิดที่ซับซ้อนและความรู้สึกจากมนุษย์ในการทำงาน ดังนั้นเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับ AI ได้ดียิ่งขึ้น เรายิ่งต้องเร่งพัฒนาทักษะที่มนุษย์ทำได้ควบคู่ไปกับทักษะการทำงานด้านอื่นๆ เพื่อเราสามารถคุยและสั่งการ AI ให้ทำงานได้
หรืออีกนัยหนึ่ง คือยิ่งมีระบบอัตโนมัติ (Automation) ในการทำงานมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งต้องฝึกฝนทักษะความเป็นมนุษย์ (Human Skills) หรือ Soft Skills มากขึ้นเท่านั้น
เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเพราะ AI สามารถเรียนรู้ได้ตลอดโดยไม่ต้องหยุดพัก ดังนั้นหากเราอยากเป็นมนุษย์ที่ทำงานร่วมกับ AI ได้ เราจำเป็นต้องเร่งพัฒนาหลายทักษะเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง คำถามคือแล้วเราจะต้องเรียนรู้อย่างไรให้เป็นคนที่ใช่ ที่แม้แต่ AI ก็แทนที่คุณไม่ได้ เรามี 4 แนวทางการพัฒนาตนเองในยุค AI มาแนะนำ ดังนี้
1. เรียนรู้เกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยี: ศึกษาเกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าใจพื้นฐานการทำงาน โดยการประยุกต์และปรับใช้ทั้งในในชีวิตประจำวันและการทำงาน
2. ฝึกฝน Human Skills ให้มากขึ้น: เป็นการฝึกฝนทักษะการทำความเข้าใจคน ทั้งกระบวนการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร และการเรียนรู้ ด้วยการพูดคุยพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนที่หลากหลายอย่างมีเหตุผล
3. ยกระดับการเรียนรู้และลงมือปฎิบัติจริง: เข้าร่วมหลักสูตร คอร์สยกระดับ หรือเรียนรู้ผ่านแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในรูปแบบใดก็ได้ เพื่อฝึกฝนความสามารถในการใช้ AI ผ่านการสร้างชิ้นงานและทำการขอรับรองทักษะ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือกับความสำเร็จของตนเอง
4. สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต: เข้าร่วม Community ในช่องทางต่าง ๆ ที่มีความสนใจเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสะสมความรู้ เป็นการส่งเสริมให้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับงานแห่งอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
โดยสรุปแล้ว AI จะแทนที่มนุษย์ไม่ได้ทั้งหมด เพราะยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ในการให้คำสั่ง (Prompt) คัดกรองข้อมูล วางขอบเขตการใช้งานทั้งด้านจริยธรรมและข้อกฎหมายอยู่ดี แต่การที่เราใช้ AI ไม่เป็นต่างหาก ที่อาจทำให้เราถูกแทนที่ได้เกือบ 100% ในอนาคต
หากเราอยากเป็นมนุษย์ที่ทำงานร่วมกับ AI ได้ เราจำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะมนุษย์ (Human Skills) หรือ Soft Skills ควบคู่ไปกับ Hard Skills ในการทำงาน จะเห็นได้ว่ามนุษย์เราจำเป็นต้องเรียนรู้มากขึ้นในเวลาที่มีอยู่จำกัด ในขณะที่ AI เรียนรู้ได้ไม่มีวันหยุด ดังนั้นทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้คุณเรียนรู้ได้ทันการเปลี่ยนแปลงในยุค AI
โดยอาศัย Micro-Credentials เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยยืนยันความสามารถ ว่าเราพร้อมสำหรับการลงมือทำงานจริง โดยไม่มีปัจจัยด้านเวลาเป็นข้อจำกัดในการเรียนรู้
Content Update: 23 April 2024
อ้างอิง :
• Weise, M. R. (2024). Long Life Learning: Preparing for Jobs that Don’t Even Exist Yet (รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์, Trans.). Publisher.
• Chat GPT-3.5
• Chat GPT-4• Artificial Intelligence VS Human Intelligence (Differences & Similarities)
• ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร หลักการทำงาน และการใช้ในอุตสาหกรรม
• AI และอนาคตแห่งการทำงาน: ประโยชน์ 4 ข้อที่คุณควรทราบ• ตำแหน่งงานของคุณจะถูก AI แย่งงานในปี 2024 หรือไม่?
• เอาตัวรอดยุค AI ใช้เป็น ไม่ตกงาน !
• มนุษย์ควรต้องกลัว AI ไหม ? เราจะอยู่รอดในยุค AI ได้อย่างไร ?
Human Skill คือ จุดแข็งของมนุษย์ที่ AI ไม่สามารถ ทำได้ แล้ว Human Skill human skill มีอะไรบ้าง? และจะมีเทคนิคการพัฒนาอย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้
Lifelong Learning คือ ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในโลกที่ผันผวน แล้วจะมีเทคนิคการเรียนรู้อะไรบ้าง? ค้นพบคำตอบในบทความนี้
การทำงานที่ดี ไม่ได้เกิดจากการที่คุณต้องหักโหมทำงานหนัก หรือเพิ่มปริมาณงานให้มากขึ้น คำตอบที่จะบอกว่าคุณมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีอยู่ในบทความนี้ อ่านเลย